นายเข้มแข็ง กล่าวอีกว่า สำหรับเกษตรกรรายเดิมที่ทำการเพาะปลูกพืช หากมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละรอบการผลิต ขอให้มาแจ้งปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน หรือหากเป็นเกษตรกรรายใหม่ให้มาขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ  ที่ตั้งแปลงพร้อมเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ให้บริการ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรรายเดิมสามารถปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ด้วยตนเองผ่านทางแอปพลิเคชัน Farmbook ทั้งนี้เพื่อเกษตรกรจะได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิขอรับการสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือรับบริการต่าง ๆ จากภาครัฐ เช่น กรณีการขอรับความช่วยเหลือเมื่อประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ในด้านพืช ตามระเบียบกระทรวงการคลัง

 

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า หากพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ภายหลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และกรอบระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ (เร่งด่วน) ที่กรมส่งเสริมการเกษตรกำหนดให้แล้วเสร็จ ภายใน 15 วัน ทั้งนี้ การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ มีหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ คือ จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไว้ก่อนเกิดภัย และช่วยเหลือเกษตรกร ตามจำนวนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจริง โดยไม่เกิน 30 ไร่ อัตราการช่วยเหลือด้านพืช แบ่งเป็น ข้าว อัตราไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ อัตราไร่ละ 1,148 บาท พืชสวนและอื่น ๆ อัตราไร่ละ 1,690 บาท

 

 

ที่มา: เดลินิวส์

https://www.dailynews.co.th/politics/800394?fbclid=IwAR2dYhH2rCWudLUVUZTedoLmhYJ3-2ET3SUgIkNXpdBfmZuRd_fhL_QS5oo