น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนพ.ย.62 พบว่า มีมูลค่า 19,656 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องถึงร้อยละ 7.39 เนื่องจากส่งออกสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น เคมีภัณฑ์ ส่งออกลดลงถึงร้อยละ 29.1 และเม็ดพลาสติก ลดลงร้อยละ 11.6 ซึ่งอยู่ในกลุ่มสินค้าส่งออก 10 อันดับแรก มีสัดส่วนการส่งออกรวมกันกว่าร้อยละ 11 จากการทยอยปิดปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันในประเทศตั้งแต่เดือนก.ย.62

ทั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกไปจนถึงสิ้นปี เช่นเดียวกับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 3.6 จากการส่งออกลดลงของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว และยางพารา รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้การส่งออกไปตลาดสำคัญทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอาเซียน ยังคงหดตัว ส่งผลให้ในช่วง 11 เดือนของปีนี้ มีมูลค่าการค้ารวม 227,090 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยังหดตัวร้อยละ 2.77 ทำให้คาดว่าหากการส่งออกเดือนสุดท้ายของปีนี้ได้มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะทำให้การส่งออกปีนี้ติดลบร้อยละ 2

ส่วนการนำเข้าเดือนพ.ย.ที่ผ่านมามีมูลค่า 19,108 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 13.78 จากการปิดโรงกลั่นน้ำมัน ทำให้การนำเข้าน้ำมันดิบลดลง แต่ไทยยังเกินดุลการค้า 548 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มีการนำเข้ารวม 218,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยยังเกินดุลการค้า 9,008 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

โดยการส่งออกที่ลดลง ถือว่าเป็นไปตามทิศทางเดียวกันทั้งโลก แต่ไทยยังรักษาระดับมูลค่าการส่งออกได้ดีกว่าหลายประเทศ และผลกระทบจากสงครามการค้าที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งผู้ประกอบการไทยปรับตัวได้ดีในการส่งออกสินค้าไปทดแทนสินค้าในกลุ่มที่สหรัฐฯและจีนขึ้นภาษีระหว่างกัน ประกอบกับแผนผลักดันการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งการเจรจาเขตการค้าเสรี หรือ FTA และการรักษาตลาดเดิมและทำตลาดใหม่ จะเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกปีหน้า

สำหรับกระทรวงพาณิชย์จะมีการประชุม กรอ.พาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชนหลังปีใหม่ เพื่อประเมินสถานการณ์การส่งออกปีหน้า จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขยายตัวเป็นบวกร้อยละ 3 หรือมีเฉลี่ยต่อเดือน 21,278 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งตัวเลขส่งออกคาดการณ์ที่ชัดเจนทางนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์จะมีการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกอีกครั้งในช่วงเดือน ก.พ. 2563 เพื่อพิจารณาตัวเลขส่งออกที่ชัดเจนต่อไป