ยินดีต้อนรับเข้าสู่ สังคม แป้งมันสำปะหลัง จุดเริ่มต้นของการไปสู่การพัฒนาการรวมกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเป็นความร่วมมือภายในกลุ่มอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังไทย
EN TH

« April 2024 »
S M T W T F S
  1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30

กิจกรรม

ข่าว

รมว.เกษตรฯเร่งแก้โรคใบด่างมันสำปะหลัง (ข่าววันที่ 3 สิงหาคม 2563)
รมว.เกษตรฯ สั่งลุยแก้ปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลัง ขณะ สศก. จัดทีมลงพื้นที่ทั่วประเทศ ประเมินความเสียหายทุกมิติ

ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังมากกว่า 8 ล้านไร่ ซึ่งสถานการณ์การระบาดโรคใบด่างมันสำปะหลัง ล่าสุดขยายวงกว้างมากขึ้น จาก 45,000 ไร่ ใน 11 จังหวัด เป็น 350,000 ไร่ ใน 25 จังหวัด ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้สั่งการหามาตรฐานป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง จะต้องมีความชัดเจน ลดขั้นตอนให้กระชับ โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยและยืนยันโรค และการพิจารณาจากคณะกรรมการต่างๆ ในระดับพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหา อย่างทันท่วงที สามารถดำเนินการทำลาย และจ่ายเงินให้เกษตรกรได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเสนอณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกลางเดือนสิงหาคม 2563

สำหรับกรอบการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค จะได้รับเงินชดเชย 3,000 บาท/ไร่ และค่าทำลาย 2,160 บาท/ไร่ รวมเป็น 5,160 บาท/ไร่

นอกจากนี้ ยังเตรียมมาตรการฟื้นฟูหลังจากการทำลาย โดยกรมวิชาการ กรมส่งเสริมการเกษตร จะประสานความร่วมมือเร่งดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ หาพื้นที่ที่เหมาะสมในการผลิตท่อนมันฯ คุณภาพ ปราศจากโรค เพื่อใช้ในการปลูกขยายพันธุ์ ในพื้นที่เป้าหมาย 30,000 ไร่ เพื่อขยายต่อให้เกษตรกรปลูกทดแทนพื้นที่ปลูกมันฯ ที่ได้ทำลายไป

ด้าน สศก. ในฐานะผู้จัดทำข้อมูล จะบูรณาการร่วมทุกหน่วยงาน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1-12 ศูนย์ประเมินผล ศูนย์สารสนเทศการเกษตร จะทำการสำรวจ ติดตาม รายงานข้อมูลพื้นที่ระบาดฯ และประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (NABC) จะดำเนินการจัดทำรายงานพื้นที่ระบาดผ่าน Dashboard ในรูปแบบเชิงแผนที่ (mapping) เพื่อให้สามารถติดตามสถานการณ์และการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจง่าย

อีกทั้งอยากขอความร่วมมือเกษตรกร หากรพบหรือสงสัยการระบาดโรคใบด่างมันฯ สามารถติดต่อผู้นำชุมชน หรือหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและหาแนวทางการยับยั้งการระบาดโดยเร็วต่อไป

 
ที่มา: สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น
https://www.innnews.co.th/economy/news_737530/